เรื่องเล่า Guest book หรือ สมุดเยี่ยมชม บ้านพักอัมพวา แห่งนี้ครับ
ช่วงที่เปิดบ้านเป็นโฮมสเตย์ ยังไม่มีสมุดเยี่ยมชม ให้ลูกค้าเขียนความคิดเห็นครับ
วันนึง วงดนตรี อพาร์ทเม้นคุณป้า มาพักที่นี่
เจ้าของบ้าน อยากทราบว่า ลูกค้าท่านใด เล่นเครื่องดนตรีชนิดใด
แต่ด้วยความที่ดนตรีกำลังเล่น เจ้าของบ้านไม่ได้ยินที่ลูกค้าตอบ เลยนำสมุดมาให้ลูกค้าเขียนว่า ใครเล่นเครื่องดนตรีชนิดใดบ้าง วงอพาร์ทเม้นคุณป้า จึงนึกว่าเป็น Guest book หรือ สมุดเยี่ยมชม เลยเขียนความคิดเห็นลงไปในสมุด
เจ้าของบ้าน นำมาอ่านแล้วหัวเราะท้องแข็ง เช่น บ้านHEREอะไรวะ อยู่แล้วโคตรขี้เกียจเลย
เขียนชื่นชมบ้านพักอัมพวาแห่งนี้ แบบมีอารมณ์ขัน คือ มาพักแล้ว สบายจนไม่อยากทำอะไร เมื่อมาเจอศาลาดูดวิญญานริมแม่น้ำ
จากนั้นต่อมา เจ้าของบ้านก็หาสมุดเยี่ยมชม อย่างเป็นทางการมาไว้ที่ศาลา เผื่อลูกค้าอยากแสดงความคิดเห็น แนะนำ จากนั้น ก็มีสมุดเยี่ยมชม เล่ม 2-3-4 ตามมาเรื่อยๆ
แต่ที่อ่านแล้ว หนักใจเจ้าของบ้านที่สุด คือ คำชมประเภทนี้ครับ
ลูกค้าเขียนขอบคุณถึงของว่าง ที่เจ้าของบ้านนำมาเสริฟ ซึ่งของว่างจานนั้นๆ มีตามโอกาสครับ เช่น ล่าสุด ลูกค้าเอ่ยชม ข้าวเหนียวหน้ากลอย ที่แม่บ้านไปช่วยทำที่งานวัด แล้วนำมาฝาก ลูกค้าชมว่าอร่อยมาก
วันรุ่งขึ้น แม่บ้านไปช่วยงานวัดอีก ก็นำข้าวเหนียวหน้ากลอยมาฝากลูกค้าอีก 6 กล่อง
ถ้ามีเขียนในสมุดเยี่ยมชม แล้วลูกค้ากลุ่มที่มาพัก่หลังๆ อ่านเจอว่ามีข้าวเหนียวหน้ากลอยให้ด้วย เอ๊ะ!ทำไม กลุ่มก่อนหน้านี้ ได้กินข้าวเหนียวหน้ากลอย แต่กลุ่มเรา ไม่ได้กิน !!!!!!
บางครั้ง เจ้าของบ้าน ได้กล้วยน้ำว้า มาจากสวนเพื่อนบ้าน ก็ทำกล้วยปิ้งร้อนๆ เสริฟ ลูกค้าเขียนชมในสมุดว่า กล้วยปิ้ง ว่าอร่อยมาก
เอาล่ะสิ !!! กลุ่มที่มาพักหลังจากนั้น มาอ่านเจอเรื่อง กล้วยปิ้งร้อนๆ อร่อยๆ ทำไม กลุ่มเรา ไม่ได้กินกล้วยปิ้ง !!!!!!
ต่อมา สมุดเยี่ยมชม หายไป คาดว่ามีใครทำตกแม่น้ำไปแล้ว จากนั้นมา ก็ไม่มีสมุดเยี่ยมชม ไว้ให้เขียนอีกครับ
โดยสมุดเยี่ยมชมเล่มเก่าๆ เจ้าของบ้านยังเก็บรักษาไว้อย่างดี เพราะ เป็นความทรงจำที่ดี ที่มีคุณค่าทางจิตใจ อ่านแล้วมีความสุข กับสื่งที่ลูกค้าเขียนให้อ่าน
เช่น รูปที่นำมาลงนี้ เราจะไม่ทราบเรื่องราวของลูกค้าก่อนจะมาถึงที่นี่เลย ถ้าเราไม่มีสมุดเยี่ยมชม
ดิฉันกับสามี ทะเลาะกันค่ะ แต่พอมาถึง ที่พักอัมพวา ริมน้ำ แห่งนี้ ก็....ลืมค่ะ ลืมไปเลยว่าทะเลาะกันอยู่